Details
จินตนาการสยาม ร.ศ. 221 ชุด 2
แขกขาว
เป็นเพลงสำเนียงแขก (เปอร์เซีย) อัตรา 2 ชั้น ซึ่งครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปะบรรเลง) ได้ประพันธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2464 โดยดัดแปลงจากเพลงสำเนียงมอญ 2 ชั้นเดิมคือ มอญรำดาบ จุดประสงค์เพื่อใช้บรรเลงและขับร้องแทนเพลงจีนขิมเล็ก 2 ชั้นในตับนางลอย บรรเลงครั้งแรกโดยวงปี่พาทย์วังสวนกุหลาบ ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา และเมื่อพ.ศ.2478 ท่านก็ได้นำไปขยายและตัดลงจนครบเป็นเถาโดยสมบูรณ์ นับเป็นเพลงเอกของท่านอีก
เพลงหนึ่งที่ได้รับความนิยมนำมาขับร้องโดยบรรจุคำร้องเนื้อเต็มและบรรเลงเป็นลีลาร่วมสมัยหลายรูปแบบ อาทิ เพลงไทยสากลที่ชื่อ “อิเหนารำพึง” ขับร้องโดย คุณชรินทร์ นันทนาคร เพลงลูกทุ่งยอดนิยมที่ชื่อ “นางฟ้าจำแลง” ขับร้องโดยคุณสายัณห์ สัญญา
ลาวสวยรวย
เป็นหนึ่งในเพลงเกร็ดสำเนียงลาวที่เกิดขึ้นประมาณยุครัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นสมัยที่ศิลปะละคอนร้องและละคอนรำกำลังเฟื่องฟู ประพันธ์โดย หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ มีท่วงทำนองหวานซาบซึ้ง สื่อถึงอารมณ์รักใคร่ได้ยอดเยี่ยมเพลงหนึ่ง สำหรับฉบับของชุดจินตนาการสยาม จะเป็นการโชว์ลีลาเดี่ยวอันโดดเด่นใสนอีกลักษณะของซอฝรั่งวิโอลอนเชลโลด้วยสุ้มเสียงทุ้ม นุ่มนวล และอ่อนหวาน สอดแทรกตามบรรยากาศของเพลง
ขอมทรงเครื่อง
เป็นเพลงอัตรา 2 ชั้นไม่ทราบนามผู้แต่ง มีสำเนียงเขมรและลีลาท่วงทำนองที่สง่างาม นิยมนำไปใช้ขับร้อง-บรรเลงประกอบการแสดง หรือในโอกาสอื่นๆ เหมาะสม ภายหลังเมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อน คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีคนสำคัญร่วมสมัย อดีตหนึ่งในสมาชิกวงดนตรีไทยการะเกด ได้ประพันธ์คำร้องเป็นเพลงเพื่อชีวิตสำคัญเพลงหนึ่งแห่งยุคสมัย ชื่อว่า “คนทำทาง” นัยความหมายของเพลงมุ่งย้ำเตือนมิให้คนรุ่นหลังลืมเลือนคุณงามความดีของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งผู้ได้เสียสละสรรสร้างความศิวิไลต์แก่แผ่นดิน ซึ่งหมายในเชิงอุปมาถึง วีรบุรุษนิรนามในประวัติศาสตร์ ผู้ซึ่งอุทิศตนสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรือง
แม่งู
เป็นเพลงเก่าสำเนียงลาวอัตรา 2 ชั้นไม่ทราบนามผู้ประพันธ์ เป็นที่รู้จักกันในอีกรูปแบบหนึ่งเมื่อถูกนำไปประกอบการรำชุดระบำแม่งูหรืองูกินหาง ซึ่งบรรจุอยู่ในละครเรื่องอิเหนา ตอนบุษบาไหว้พระปฏิมากร ปะสันตาพวกพระพี่เลี้ยงของอิเหนาได้มาเล่นงูกินหางกัน เนื้อร้องขึ้นต้นด้วย “แม่เอ๋ยแม่งู เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา ฉันไปกินน้ำหนา กลับมาเมื่อตะกี้.” พระนิพนธ์โดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ระบำนี้เหมาะสำหรับนักเรียนฝึกหัดร้องรำแสดงในงานของโรงเรียนและงานทั่วไป ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ.2466 ครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปะบรรเลง) ได้นำเพลงนี้ไปขยายและตัดลงจนครบเป็นเพลงเถาให้ชื่อว่า “มังกรทอง” ซึ่งเป็นเพลงที่มีสำนวนไพเราะน่าฟัง เปรียบเทียบลีลาใกล้เคียงกันกับเพลงไส้พระจันทร์เพลงเอกของท่านอีกเพลงหนึ่ง
อาเฮีย
เพลงในอัตรา 2 ชั้นเดิมมี 2 ท่อน (และมีสร้อยตอนท้าย) อายุของเพลงประมาณยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ไม่ทราบนามผู้ประพันธ์ เป็นเพลงอิงสำเนียงจีนในกลุ่มคล้ายคลึงกันกับเพลงสำเนียงจีนรุ่นเดิม อาทิ แป๊ะ ชมสวนสวรรค์ อาหนูจีนขิมเล็ก-จีนขิมใหญ่ (ผลงานประพันธ์ของครูดนตรีไทยยุคนั้น) ภายหลัง ได้มีผู้นำประดิษฐ์ขึ้นเป็นเพลงเถาและเพลงเดี่ยวหลายทางด้วยกัน เช่น ทางของพระประดิษฐ์ไพเราะ (มี ดุริยางกูร) ทางของหลวงกัลยาณมิตตาวาส (ทับ พาทยโกศล) ฯลฯ ส่วนทำนอง 2 ชั้นเดิมนั้น นิยมนำมาประกอบการร้อง-เล่นละครเช่นเดียวกัน แต่เพื่อความเหมาะสมในการบรรเลงกรณีดังกล่าว ท่านผู้รู้จึงนำทำนองเพลงมาใช้เฉพาะท่อน 1 พร้อมทั้งดัดแปลงให้เหลือเพียง 5 จังหวะจากเดิมซึ่งยาวถึง 9 จังหวะ แล้วนิยมเรียกกันต่อมาว่า เพลงอาเฮียตัด (เพลงที่กำเนิดในลักษณะแบบนี้มีหลายเพลง อาทิ วิลันดาโอดตัด เจ้าเซ็นตัด (ฝรั่ง) จรกาตัด ลาวแพนตัด ฯลฯ)ภายหลังก็มีผู้นำไปบรรจุคำร้องเป็นเพลงไทยลูกกรุงยอดนิยมเพลงหนึ่งชื่อ “ขอใจให้พี่” ขับร้องโดยคุณสุเทพ วงศ์กำแหง
บันเทิงกาสร
เป็นเพลงประกอบระบำที่บรรจุอยู่ในโขนเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพาลีสอนน้อง ครูมนตรี ตราโมท ประพันธ์ขึ้นใหม่โดยยึดทำนอง 2 ชั้นเดิมจากเพลงเขมรไล่ควาย จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับระบำสารพัดสัตว์ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยเดียวกัน คือ มฤคระเริง (กวาง) บันเทิงกาสร (ควาย) กุญชรเกษม (ช้าง) ฯลฯ เพลงนี้ถึงแม้ลีลาที่แปลกใหม่และสนุกสนาน แต่ก็จัดเป็นเพลงที่อาภัพ คือ ไม่ค่อยมีใครนิยมนำมาบรรเลงหรือรำสักเท่าไหร่ อาจด้วยเหตุเพราะเป็นเพลงที่เป็นตัวแทนของเจ้าทุย สัตว์ที่หลายคนมองว่ามีฐานะต้อยต่ำนั่นเอง
เพลงเรื่องสีนวล
กระบวนการฝึกปรือ ความจำ ความคิด และทักษะฝีมือของนักดนตรีไทยโดยเฉพาะสายปี่พาทย์ตั้งแต่โบราณนั้น หลักหนึ่งคือ การฝึกหัดเรียนเพลงประเภทเพลงเพลงเรื่องต่างๆ เพลงเรื่อง คือ เพลงที่ประกอบด้วยเพลงเกร็ดขนาดสั้นหรือขนาดยาวต่างๆ จำนวนหนึ่ง ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านได้คัดสรรโดยคำนึงถึง ลีลา หรือลักษณะของทำนองเพลงที่คล้ายคลึง เพื่อมาบรรเลงติดต่อกัน เปรียบเสมือนเป็น นิยายเรื่องหนึ่ง ที่มีการเริ่มต้น แล้วดำเนินเนื้อหาไปจนกระทั่งจบเรื่องอย่างสมบูรณ์ จึงค่อนข้างเป็นเพลงขนาดยาว เมื่อเปรียบเทียบกับเพลงประเภทอื่นๆ ด้วยเหตุที่เพลงมีขนาดยาวและมีลีลาเนื้อทำนองหลักที่พิสดาร หลากหลาย จึงเหมาะสมที่นักดนตรีจะยึดเป็นแบบฝึกหัดเพื่อฝึกปรือการบรรเลง การแปลทางสำหรับเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ รวมทั้ง การรวบรวมสมาธิ พละกำลังในกรณีที่ต้องบรรเลงเป็นระยะเวลานาน เพลงเรื่องนั้นแบ่งได้หลายประเภท ตามลักษณะของประโยคเพลงและเครื่องประกอบจังหวะหลักหรือหน้าทับที่กำกับ สำหรับเพลงเรื่องสีนวล ชื่อว่าสีนวล เนื่องด้วยเพลงแรกของเพลงเรื่องนี้คือเพลง สีนวล (ใน) อันเป็นเพลงเก่าแก่แต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาตามด้วยเพลงสีนวลนอก คุดทะราดเหยียบกรวด กินนรรำ ขย้อนนางรำ เพลงจีน 1 เพลงจีน 2 นาคราช เหมราช จัดประเภทเป็นเพลงเรื่องสองไม้ เนื่องด้วยทุกเพลงข้างต้นใช้หน้าทับ
สองไม้กำกับ จากเจตนารมณ์ของจินตนาการสยาม ที่ได้นำเพลงบทนี้มาเสนอในรูปแบบงานดนตรีเรียบเรียงแบบร่วมสมัย ด้วยความหวังที่ว่าสามารถทำให้คุณค่าของบทเพลงเหล่านี้เปล่งประกายในมุมมองที่กว้างขึ้นไม่มากก็น้อย และ เพลงเรื่องสีนวลในแบบฉบับนี้เป็นทางที่สืบทอดจากครูพุ่ม บาปุยวาทย์ ซึ่งคุณเสถียร ดวงจันทร์ทิพย์ ได้กรุณาถ่ายทอดให้ไว้
เพลงเรื่องฉิ่งพระฉัน
เพลงเรื่องที่เรียกชื่อขึ้นต้นว่า เพลงฉิ่ง นั้นมีลักษณะพิเศษ คือ การประกอบจังหวะของเพลงที่มีฉิ่งเป็นเครื่องสำคัญ และไม่มีเครื่องหนังมาประกอบ นอกนั้นก็มีลักษณะรูปแบบตามองค์ประกอบของเพลงเรื่องทั่วไป คือ เพลงที่นำมาเข้าชุดจะมีท่วงทำนองลีลาที่คล้ายคลึงกัน และมีการลดหลั่นอัตราช้าเร็วยาวสั้นของประโยคเพลงไปตามลำดับก่อนไปหลังเพลงเรื่องฉิ่งพระฉัน เป็นเพลงเรื่องแบบฉบับอีกชุดหนึ่งที่ครูบาอาจารย์ได้ร้อยเรียงสืบมาแต่โบราณ เนื่องด้วยการนิยมนำมาบรรเลงประกอบในงานพิธีมงคลในช่วงที่พระฉันภัตตาคาร จึงมีชื่อเรียกว่า ฉิ่งพระฉัน จำแนกเป็น 2 เพลงด้วยกันคือ ฉิ่งพระฉันเช้า และฉิ่งพระฉันเพล สำหรับเพลงเรื่องฉิ่งพระฉันเช้าฉบับที่สมบูรณ์นั้น มีเพลงที่เรียงกันตั้งแต่ต้นจนจบ คือ
ภาคที่ 1 ชุดต้นเพลงฉิ่ง ประกอบด้วย ต้นเพลงฉิ่ง สามเส้า จระเข้ขวางคลอง ถอยหลังเข้าคลอง ตวงพระธาตุ
ภาคที่ 2 ชุดฉิ่งพระฉัน ประกอบด้วย ฉิ่งพระฉัน (4 ท่อน)
ภาคที่ 3 ชุดฉิ่งต่างๆ ประกอบด้วย ฉิ่งนอก (ฉิ่งชมสวน) ฉิ่งกลาง ฉิ่งใหญ่ ฉิ่งเล็ก ฉิ่งสนาน
ภาคที่ 4 ชุดปลายเพลงฉิ่ง ประกอบด้วย ปลายเพลงฉิ่ง กระบอก (บรรจุอยู่ในบางสำนวน) รัวฉิ่ง
จึงถือว่าจบชุดโดยสมบูรณ์ หากแต่ในปัจจุบันโอกาสที่นักดนตรีจะบรรเลงตั้งแต่ต้นจนจบนั้นไม่ค่อยมี เนื่องจากจะต้องใช้เวลาในการบรรเลงค่อนข้างมาก เช่นเดียวกันกับโอกาสที่จะนำเสนอในอัลบั้มชุดนี้ ได้ตัดตอนชุดเพลงมาเรียบเรียงเฉพาะ ภาคที่ 3 และ 4 เพื่อความเหมาะสม สำหรับเสียง ไวโอลิน ออร์แกนชนิดต่างๆ และระนาดทุ้ม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเพลงนี้ จะทำหน้าที่ถ่ายทอดคุณค่าความวิจิตรงดงามของบทเพลงไทยโบราณเพลงนี้ให้กระจ่างสู่จินตนาการของท่านผู้ฟัง
ศิลปิน : นิก กอไผ
ดูแลการผลิต / เรียบเรียง / บรรเลง ซอด้วง ซออู้ ขลุ่ยเพียงออ ขิมสาย ขิมอลูมิเนียม ระนาดเอก
ระนาดทุ้ม คีย์บอร์ด กีตาร์โปร่ง กีตาร์ไฟฟ้า เครื่องประกอบจังหวะ
ชาญชัย ศรีทองแจ้ง ควบคุมการบันทึกเสียง / ประสมเสียง / จัดทำต้นฉบับ
ปรีชา ธรรมพิภพ อำนวยการผลิต
นรอรรถ จันทร์กล่ำ - ไวโอลิน รับเชิญ “แขกขาว” “เพลงเรื่องฉิ่งพระฉัน”
อภิชัย เลี่ยมทอง - วิโอลอนเชลโลรับเชิญ “ลาวสวยรวย”
เลอเกียรติ มหาวินิจฉัยมนตรี - ซอสามสาย รับเชิญ “ขอมทรงเครื่อง”
{vmp3}{/vmp3}