รายละเอียด
ระบำ รำ ฟ้อน 16 ระบำสี่ภาค
1. ภาคเหนือ
การบรรเลงเพลงรอบเวียง
ฟ้อนสาวไหม
2. ภาคใต้
การบรรเลงเพลงตาลีบุหงารำไป
ยอเก็ตปาหัง
3. ภาคอีสาน
การบรรเลงเพลงภูไท
เซิ้งกะโป๋
4. ภาคกลาง
ระบำทศพิธทิศทศ
การบรรเลงเพลงรอบเวียง
ฟ้อนสาวไหม
2. ภาคใต้
การบรรเลงเพลงตาลีบุหงารำไป
ยอเก็ตปาหัง
3. ภาคอีสาน
การบรรเลงเพลงภูไท
เซิ้งกะโป๋
4. ภาคกลาง
ระบำทศพิธทิศทศ
ฟ้อนสาวไหม
ฟ้อนสาวไหม เป็นการฟ้อนที่คิดประดิษฐ์ขึ้นใหม่โดยแม่ครูบัวเรียว (สุภาวสิทธิ์) รัตนมณีภรณ์ โดยมีความมุ่งหมายจะอนุรักษ์ทั้งนาฏศิลป์แบบภาคเหนือและอาชีพทอผ้าไหม ซึ่งเป็นอาชีพเก่าแก่ของชาวเหนือให้คงอยู่ตลอดไป ดนตรีและการฟ้อนมีลักษณะเป็นไทยทางภาคเหนือ คือ อ่อนช้อยนุ่มนวลท่ารำเป็นท่าที่แสดงลักษณะการเลี้ยงไหม สาวไหม กรอไหม และทอเป็นผ้าไหมที่ขึ้นชื่อลือชาของชาวเหนือ นับเป็นการฟ้อนที่มีลักษณะเฉพาะชุดหนึ่ง
การชุดนี้จะเริ่มด้วยการบรรเลงเพลงรอบเวียง ของวงดนตรีภาคเหนือล้านนาไทย วงสะล้อซอซึง
ฟ้อนสาวไหม เป็นการฟ้อนที่คิดประดิษฐ์ขึ้นใหม่โดยแม่ครูบัวเรียว (สุภาวสิทธิ์) รัตนมณีภรณ์ โดยมีความมุ่งหมายจะอนุรักษ์ทั้งนาฏศิลป์แบบภาคเหนือและอาชีพทอผ้าไหม ซึ่งเป็นอาชีพเก่าแก่ของชาวเหนือให้คงอยู่ตลอดไป ดนตรีและการฟ้อนมีลักษณะเป็นไทยทางภาคเหนือ คือ อ่อนช้อยนุ่มนวลท่ารำเป็นท่าที่แสดงลักษณะการเลี้ยงไหม สาวไหม กรอไหม และทอเป็นผ้าไหมที่ขึ้นชื่อลือชาของชาวเหนือ นับเป็นการฟ้อนที่มีลักษณะเฉพาะชุดหนึ่ง
การชุดนี้จะเริ่มด้วยการบรรเลงเพลงรอบเวียง ของวงดนตรีภาคเหนือล้านนาไทย วงสะล้อซอซึง
ยอเก็ตปาหัง
การเต้นยอเก็ตหรือใจเก็ตเป็นนาฏศิลป์ที่ชาวไทยมุสลิมนิยมเต้นกันทั่วไป โดยเฉพาะในรัฐปาหัง ประเทศมาเลเซียกล่าวกันว่า ชาวโปรตุเกสได้นำมาเผยแพร่เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา มีลีลาและจังหวะที่รวดเร็ว คล้ายท่าเต้นลีลาศของชาวตะวันตก เป็นที่นิยมแสดงกันในงานรื่นเริงของชาวไทยมุสลิม
วงของทางภาคใต้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ ภาคใต้ตอนบนในแบบวงชาตรี เช่น การแสดงประกอบโนราห์ และอีกวงหนึ่งคือแบบชาวมุสลิม หรือภาคใต้ตอนล่างซึ่งจะมีลีลาและสำเนียงออกทางมาลายู
การแสดงชุดนี้จะเริ่มด้วยการบรรเลงเพลงตาลีบุหงารำไปและต่อด้วยการแสดง ยอเก็ตปาหัง
การเต้นยอเก็ตหรือใจเก็ตเป็นนาฏศิลป์ที่ชาวไทยมุสลิมนิยมเต้นกันทั่วไป โดยเฉพาะในรัฐปาหัง ประเทศมาเลเซียกล่าวกันว่า ชาวโปรตุเกสได้นำมาเผยแพร่เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา มีลีลาและจังหวะที่รวดเร็ว คล้ายท่าเต้นลีลาศของชาวตะวันตก เป็นที่นิยมแสดงกันในงานรื่นเริงของชาวไทยมุสลิม
วงของทางภาคใต้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ ภาคใต้ตอนบนในแบบวงชาตรี เช่น การแสดงประกอบโนราห์ และอีกวงหนึ่งคือแบบชาวมุสลิม หรือภาคใต้ตอนล่างซึ่งจะมีลีลาและสำเนียงออกทางมาลายู
การแสดงชุดนี้จะเริ่มด้วยการบรรเลงเพลงตาลีบุหงารำไปและต่อด้วยการแสดง ยอเก็ตปาหัง
เซิ้งกะโป๋
เซิ้งกะโป๋เป็นการละเล่นของหนุ่มสาวชาวอีสานใต้ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ กระโป๋ คือกะลามาพร้าว ผู้แสดงจะถือกะลาคนละ 2 ชิ้น ใช้ประกอบการรำด้วยลีลาท่าทางที่ว่องไวและสนุกสนาน วงดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง คือ วงโปงลางต่อด้วยการแสดงเซิ้งกะโป๋
เซิ้งกะโป๋เป็นการละเล่นของหนุ่มสาวชาวอีสานใต้ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ กระโป๋ คือกะลามาพร้าว ผู้แสดงจะถือกะลาคนละ 2 ชิ้น ใช้ประกอบการรำด้วยลีลาท่าทางที่ว่องไวและสนุกสนาน วงดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง คือ วงโปงลางต่อด้วยการแสดงเซิ้งกะโป๋
ระบำทศพิธทิศเทศ
การแสดงชุดนี้ อ. เสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติเป็นผู้ออกแบบการแสดง โดยนำเอาตัวเอกของวรรณกรรมเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ มาออกร่ายรำ ซึ่งประกอบไปด้วย พระเจ้ามังตราตะเบ็งชะเวตี้ คู่กับพระมเหสีนันทวดี พระเจ้าสการะวุตพีกับพระนางมินบู พระเจ้าแปรนรบดี กับพระอครเทวี และบุเรงนองกับตะละแม่จันทาเพื่อที่จะรำถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื้อหาเพลงเป็นการเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพด้านต่างๆ ในพระองค์ท่าน
การแสดงชุดนี้ อ. เสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติเป็นผู้ออกแบบการแสดง โดยนำเอาตัวเอกของวรรณกรรมเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ มาออกร่ายรำ ซึ่งประกอบไปด้วย พระเจ้ามังตราตะเบ็งชะเวตี้ คู่กับพระมเหสีนันทวดี พระเจ้าสการะวุตพีกับพระนางมินบู พระเจ้าแปรนรบดี กับพระอครเทวี และบุเรงนองกับตะละแม่จันทาเพื่อที่จะรำถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื้อหาเพลงเป็นการเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพด้านต่างๆ ในพระองค์ท่าน
วีดีโอตัวอย่าง
http://www.youtube.com/watch?v=vqzkXpxbEkU